จีนขนทัพนักธุรกิจลงทุนไทย 5 หมื่นล้าน ชี้โอกาสเชื่อม EEC-GBA
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐบาลมณฑลกวางตุ้งร่วมกับคณะกรรมการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมณฑลกวางตุ้งหรือซีซีพีไอที จัดประชุมสัมมนาความร่วมมือเศรษฐกิจการค้าจีนฮ่องกง-มาเก๊ากวางตุ้ง หรือจีบีเอ และไทย โดยมีนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย นายหวัง เว่ย โจง ผู้ว่าการมณฑลกวางตุ้ง และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ นักธุรกิจจากมณฑลกวางตุ้ง และกลุ่ม Greater Bay Area (GBA) รวมทั้งฮ่องกง และมาเก๊า เข้าร่วมงานกว่า 200 คน
นายหวัง เว่ย โจง ผู้ว่าการมณฑลกวางตุ้ง เปิดเผยว่า มณฑลกวางตุ้งถือว่าเป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ การพัฒนาอุตสาหกรรม นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ ที่สำคัญของประเทศจีน ปัจจุบันมีขนาดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) กว่า 19.7 ล้านล้านหยวน สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของจีนต่อเนื่องมานานกว่า 34 ปี และถือว่ามีความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศไทยสูงมากโดยมูลค่าการค้าไทย-จีน กว่า 25% เกิดขึ้นในมณฑลนี้ และมีมูลค่าที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยในปี 2017 ไทยกับมณฑลกวางตุ้งมีมูลค่าค้าขายระหว่างกันอยู่ที่ 1.52 แสนล้านหยวน แต่ในปี 2022 เพิ่มขึ้นเป็น 2.22 แสนล้านหยวน เติบโตเพิ่มขึ้นถึงกว่า 45% นอกจากนั้นยังมีนักท่องเที่ยวจากมณฑลกวางตุ้ง เข้ามาท่องเที่ยวยังประเทศไทยปีละประมาณ 2 ล้านคน
นอกจากนี้มณฑลกวางตุ้ง และพื้นที่ GBA เป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจของจีน ที่มีความเชื่อมโยงทางยุทธศาสตร์กับพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งจากการเดินทางมาเยือนประเทศไทยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในการประชุมผู้นำเอเปคเมื่อเดือน พ.ย. ปีก่อน ได้มีการกล่าวยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงเส้นทางสายไหมใหม่ (One Belt One Road) ของจีนมายังภูมิภาคอาเซียนผ่านการเชื่อมโยงกับอีอีซี
โดยในการประชุมสัมมนาครั้งนี้ ได้มีการส่งเสริมให้เอกชนของจีนจากมณฑลกวางตุ้ง และ GBA เข้ามาลงทุนและทำธุรกิจในไทยร่วมกับพาร์ทเนอร์ในประเทศไทย โดยมีการลงนามในบันทึกความร่วมมือจับคู่ธุรกิจกว่า 10 โครงการ มูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 5 หมื่นล้านบาทคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ประกอบไปด้วยโครงการต่างๆ ได้แก่ 1.โครงการนิคมอุตสาหกรรมไทย-กวางตุ้ง มูลค่าการลงทุน 11,000 ล้านบาท 2.โครงการความร่วมมือการค้าอะลูมิเนียม มูลค่า 5,000 ล้านบาท 3.โครงการอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์อะมิโน มูลค่า 5,000 ล้านบาท 4.การส่งเสริมการลงทุนของบริษัท GAC Aion เพื่อผลิตรถไฟฟ้า (EV) มูลค่าการลงทุน 6,500 ล้านบาท
5.โครงการความร่วมมือเพื่อนำเข้าส่งออกสมุนไพร มูลค่า 1,500 ล้านบาท 6.โครงการศูนย์โลจิสติกส์ไฮเทค มูลค่า 10,000 ล้านบาท 7.การส่งเสริมการใช้ประโยชน์ไม้หอมกฤษณา มูลค่า 5,000 ล้านบาท 8.การส่งออกรังนกไปยังประเทศจีน มูลค่า 3,200 ล้านบาท 9.โครงการศูนย์แสดงสินค้า มูลค่า 250 ล้านบาท และ 10.โครงการก่อสร้างศูนย์ E commerce มูลค่า 5,000 ล้านบาท
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กล่าวว่า ที่ผ่านมาจีนถือว่าเป็นนักลงทุนสำคัญในพื้นที่อีอีซีโดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 11% คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 2.2 แสนล้านบาท โดยคาดว่าทิศทางการลงทุนของจีนในประเทศไทยและในอีอีซียังสามารถที่จะเติบโตต่อเนื่องในอนาคต โดยในระยะ 5 ปีข้างหน้า (2566-2570) อีอีซีตั้งเป้าดึงการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าสัดส่วนการลงทุนจากประเทศจีนในพื้นที่อีอีซี จะไม่ลดลงจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
สำหรับพื้นที่มณฑลกวางตุ้งถือว่าเป็นพื้นที่สำคัญที่อีอีซีจะเข้าไปดึงนักลงทุนจากพื้นที่เนื่องจากในพื้นที่นี้มีผู้ประกอบการชั้นนำในหลายอุตสาหกรรม มีความก้าวหน้าในทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม และเป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจของจีนโดยมีขนาดจีดีพีใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 5 เท่า และมีประชากรมากกว่าไทยถึง 4 เท่า ถือว่าเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจที่สามารถเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างกันได้เป็นอย่างดีคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
โดยในส่วนของความร่วมมือระหว่างอีอีซี กับมณฑลกวางตุ้ง และ GBA มีแผนจะร่วมมือกันในหลายอุตสาหกรรม เช่น รถ EV ที่ยังมีความต้องการลงทุนในไทยมาก นอกจากนั้น ยังมีความต้องการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด เทคโนโลยีการกักเก็บคาร์บอน เทคโนโลยีทางการแพทย์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยในวันที่ 9-15 ก.ค. นี้ อีอีซีจะเดินทางไปโรดโชว์ที่มณฑลกวางตุ้งและเซี่ยงไฮ้เพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่ต้องการโดยเฉพาะในกลุ่มรถ EV พลังงานสะอาด และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นอุปกรณ์ที่เป็นสมาร์ตอิเล็กทรอนิกส์ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพิ่มขึ้นในอนาคต
“จีนอยู่ในช่วงการออกมาลงทุนครั้งใหญ่นอกประเทศ เพื่อแสวงหาโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป ซึ่งประเทศไทยก็ถือว่าเป็นพื้นที่หนึ่งที่จีนสนใจเข้ามาลงทุน ทั้งนี้มองว่าเรื่องของปัจจัยทางการเมืองไม่กระทบ เพราะนักลงทุนดูในเรื่องปัจจัยพื้นฐาน และเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งประเทศไทยก็มีความพร้อม”