แถลงนโยบายรัฐบาล – เพื่อไทย-ก้าวไกล โต้เดือด! วาทกรรมตระบัดสัตย์จนต้องลาออก
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภาของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งจัดขึ้นเป็นวันที่สอง
นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายตอนหนึ่งว่า นโยบายของรัฐบาลระบุสั้นๆว่า ประเทศไทยเข้าสู่จุดเปลี่ยนผ่านด้านกฎหมาย การเมือง การปกครอง ที่ความเห็นต่างและการแบ่งแยกทางความคิด ทำให้สังคมอยู่ในจุดที่น่ากังวล และบางตอนระบุว่าจะสนับสนุนความแตกต่างด้านความคิดอุดมการณ์ ให้อาศัยอยู่ร่วมกันได้ภายใต้หลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง ขอถามว่าจะรูปธรรมและวิธีการอย่างไร
ครม.เศรษฐา แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา วันแรก 11 ก.ย. 2566
ครม.เศรษฐา แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา วันที่สอง 12 ก.ย. 2566
นายปิยรัฐ กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่ไม่สมประกอบ เปิดโอกาสให้อำนาจทุน อำนาจรัฐ อำนาจปืน และอำนาจกฎหมาย รวมหัวกันมาเป็นผู้กำกับทิศทางความเป็นไปของเรา คิดว่าพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลน่าจะเข้าใจและรู้สึกได้ดีที่สุด
หลายคนที่นั่งรัฐมนตรีตอนนี้ จึงต้องเป็นคนไม่ตรงไปตรงมา เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยภายใต้ระบบการเมือง ระบบกฎหมายที่ขาดหลักนิติธรรมเวลานี้
นายปิยรัฐ กล่าวอีกว่า นอกจากรัฐบาลจะต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้เกิดความกระจ่าง เรื่องนี้ยังเป็นหัวใจสำคัญที่จะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นกับคนในชาติ และหากจำได้ว่าเหตุผลที่รัฐบาลใช้และบอกกับประชาชนในการจัดตั้งรัฐบาล รองนายกรัฐมนตรียังย้ำว่าเราต้องสามัคคีปรองดองก้าวข้ามความขัดแย้ง ขอถามว่าข้อความเหล่านี้มีระบุไว้ในเอกสารหรือไม่ จึงไม่เชื่อว่ารัฐบาลนี้จะกล้าหาญพอที่จะทำนโยบายตามที่ได้แถลงไว้
หากจำกันได้มีอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นั่งอยู่ตรงนี้ เป็นรัฐมนตรีเวลานี้ ตระบัดสัตย์จนต้องลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อเปิดทางไปผสมข้ามขั้วตั้งรัฐบาล จากนั้นไม่นานได้เป็นรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประธานรัฐสภาได้ขอให้นายปิยรัฐถอนคำพูด ทำให้ นายปิยรัฐจึงกล่าวว่า ขอถอนคำตระบัดสัตย์ และเปลี่ยนเป็นโกหกแทน
นายปิยรัฐ กล่าวตอนหนึ่งด้วยว่า ขอถามรัฐบาลว่าพร้อมจะให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรม ว่าด้วยเรื่องศาลอาญาระหว่างประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ให้รับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เปิดทางเอาผิดต่อผู้ที่ก่อให้เกิดอาชญากรรมต่อมนุษยชาติและยุติการลอยนวลของผู้ก่อการ รัฐบาลพร้อมจะลงนามหรือไม่
หลังรัฐประหาร 2557 คนไทยจำนวนมากต้องหลบลี้หนีภัยทางการเมือง การคืนความยุติธรรมให้กับพวกเขาจะอยู่ในนโยบายได้หรือไม่ หรือจะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้ เพราะไม่ได้หน้าตาเหมือนเทวดาบนสวรรค์ชั้น 14 จึงทำให้ถูกมองข้ามปล่อยเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองตามยถากรรมในต่างประเทศ
ต่อมา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ใช้สิทธิ์พาดพิงระบุว่า คำว่าตระบัดสัตย์จนต้องลาออก เป็นคำพูดในสภาแห่งนี้ ถือว่าผู้อภิปรายกล้าหาญที่จะนำคำพูดมาใช้ที่ประชุมรัฐสภาอันทรงเกียรติ เพราะเงื่อนไขที่ได้กระทำไป ถ้าตระบัดสัตย์แล้วลาออกก็ย้อนแย้งในตัวของมันเอง
ผมต้องลาออก เพราะรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้พูดไว้ ถ้าผมลาออก ถือเป็นการตระบัดสัตย์ ความคิดและนิยามอย่างนี้ น่าจะเป็นวาทกรรมที่ทำให้สังคมเจ็บป่วยอย่างมาก เป็นการเจ็บป่วยทางสติปัญญาที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า การที่ตนเองลาออก กับการรับตำแหน่งรัฐมนตรี หากผู้อภิปรายตระหนักรู้ถึงระบบเสียงข้างมาก ก็จะเข้าใจบริบทว่าเป็นคนละประเด็น ถ้าไม่ยอมรับเสียงข้างมาก เป็นไปตามอำเภอใจ ท่านก็ได้เป็นรัฐบาลไปแล้ว แต่นี่คือระบบเสียงข้างมาก ระบบรัฐสภา ประชาชนส่วนใหญ่เห็นอย่างไร สมาชิกที่นี่เห็นอย่างไร นั่นคือเสียงข้างมาก ที่สำคัญ ระบบเสียงข้างมากที่ศักดิ์สิทธิ์ คือ ระบบเสียงข้างมากที่ห่วงความปลอดภัยของประเทศชาติและประชาชน ถ้ามีเงื่อนไขที่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติและประชาชน เสียงข้างมากปฏิเสธท่านแน่นอน
ขอให้ถอนคำว่าโกหก เพราะไม่ได้เป็นเรื่องโกหก ถ้อยคำนี้จะบันทึกในสภา เป็นประวัติศาสตร์ที่คนรุ่นหลังมาศึกษา เขาจะมาบอกว่า สภาเขาทำกันแบบนี้หรือ เพราะไม่มีข้อเท็จจริงคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ครม.เศรษฐา แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา วันที่สอง 12 ก.ย. 2566
ประกาศแจ้งจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด "เข้าบัญชี 18 ก.ย.2566" แน่นอน
ส่อง “ร้านอาหารเกาหลีเหนือ” ในต่างประเทศ ไม่มีลูกค้าแต่เงินสะพัด
ส่องสีใหม่ "iPhone 15" และ "iPhone 15 Pro" ก่อนเปิดตัวกันยายนนี้